tag:blogger.com,1999:blog-21112683658918536442024-03-05T00:40:27.491-08:00ทรายแก้ว...Unknownnoreply@blogger.comBlogger6125tag:blogger.com,1999:blog-2111268365891853644.post-47498109728543049502007-11-02T07:26:00.000-07:002007-11-02T07:26:26.462-07:00จิตรกรรมกับพระพุทธศาสนา<a name="sect1"><strong><span style="color:#339999;">จิตรกรรมเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาอย่างไร</span></strong></a><br /><div align="justify"><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjPC3UO6ACp3VnRKwbZ_xaE0qeXBtzqBvASBbrRRa6ifuAF8PDhZxoajanE7StuPl_N9FZvgF6zlydmPFDZ_UoSpX0zAuh0hiZJzVeowm5i1OumhMm6p3EYRy9rQihdiy1N2t_DiFEWtsha/s1600-h/s13-97-3-s.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5128239934393935506" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" height="95" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjPC3UO6ACp3VnRKwbZ_xaE0qeXBtzqBvASBbrRRa6ifuAF8PDhZxoajanE7StuPl_N9FZvgF6zlydmPFDZ_UoSpX0zAuh0hiZJzVeowm5i1OumhMm6p3EYRy9rQihdiy1N2t_DiFEWtsha/s320/s13-97-3-s.jpg" width="144" border="0" /></a><span style="color:#999999;">จิตรกรรมหรือภาพเขียนฝาผนังที่อยู่ในโบสถ์และวิหาร มักจะแสดงเรื่องราวที่น่าสนใจ ต่าง ๆ ซึ่งต้องการถ่ายทอดออกสู่สังคม นอกจากนั้นยังสะท้อนให้เห็นถึงการ<br />ทำงานเป็นคณะอย่างมีระบบ กล่าวคือ ในการสร้างโบสถ์วิหารของวัดใดวัดหนึ่ง ผู้ที่ทำ งานประสานกันจะประกอบด้วยช่างฝีมือแขนงต่างๆ เช่น สถาปนิกผู้ออกแบบโบสถ์ นายช่างตกแต่งภายในโบสถ์ ช่างปั้น และช่างเขียน เป็นต้น </span></div><span style="color:#999999;"><br /><br /></span><br /><div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqCLclLKH1IkKxr7ScYgnfU6Gs1ALBKkJxnlK208ATLh1xsKpjX2uSgra1A2z4xn10TXw8Xd0NxqcEr15dPZuEXr_WX4ipjrbeSqjZ114FZdZrN0vvO3F6kbUjCNrSsXzs7reXDKwkpcQW/s1600-h/s13-97-1-s.jpg"><span style="color:#999999;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5128229214155564578" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 142px; CURSOR: hand; HEIGHT: 101px" height="95" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqCLclLKH1IkKxr7ScYgnfU6Gs1ALBKkJxnlK208ATLh1xsKpjX2uSgra1A2z4xn10TXw8Xd0NxqcEr15dPZuEXr_WX4ipjrbeSqjZ114FZdZrN0vvO3F6kbUjCNrSsXzs7reXDKwkpcQW/s320/s13-97-1-s.jpg" width="145" border="0" /></span></a><span style="color:#999999;"> </span></div><div align="justify"><span style="color:#999999;">พระประธานนับเป็นองค์ประกอบด้วยการปั้นและสร้างพระประธานในโบสถ์จึงถือเป็นงานที่สำคัญที่สุด การออกแบบและปั้นฐานพระประธานจะเป็นงานรองจากการส ร้างพระประธาน เพราะต้องออกแบบฐานซึ่งประดิษฐ์องค์ประธานตามลักษณะและขนาดของพระประธานขนาดของโบสถ์และพระประธานต้องมีความสมดุลกัน<br /><br /><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5128247055449712322" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 157px; CURSOR: hand; HEIGHT: 102px" height="95" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi5GbRjLRYFEgBPr4sy7doEfbslz-Xd9TynbhlZug6CDGghEB8dVvKnC2p1Xx0uSTkKlprRKdR_g_rU0bJQ2QgsSrgQYMY3LJ8gbiWyLS0qQ8ZMHGupPtUkb1PFFumip3IsuwvelMtHEirk/s320/s13-95-s.jpg" width="138" border="0" /></span></div><div align="justify"><br /><span style="color:#999999;">ช่างเขียนซึ่งทำงานจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์จะต้องสร้างงานในลักษณะส่งเสริมองค์พระประธาน ส่วนมากพระประธานในโบสถ์จะมีขนาดใหญ่มาก เพราะฉนั้นช่างเขียนที่เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังจะต้องรู้จักประมาณตน จะต้องไม่แสดงความอวดเก่งเพื่อแสดงความสำคัญเฉพาะงานของตน การวางเค้าโครงเรื่องราวของภาพจิตรกรรมก็ดี การวางโครงสร้างของสีและขนาดสัดส่วนของคน สัตว์และสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งประกอบเป็นเรื่องราวก็ดี ต้องวางเค้าโครงในลักษณะที่ส่งเสริมองค์พระประธานให้มีลักษณะเด่น เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าภาพเขียนฝาผนังในโบสถ์วิหารต่าง ๆ ทำให้ เราเกิดความรู้สึกสงบร่มเย็น ทั้งนี้เพราะมีการวางเค้าโครงของการใช้สี เส้น รูปทรงต่าง ๆ ของภาพจิตรกรรมแวดล้อมพระประธาน อย่างถูกต้อง </span></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2111268365891853644.post-54655992863697155732007-11-02T00:32:00.000-07:002007-11-02T00:32:05.343-07:00วิชาสุนทรียศาสตร์...คำถามท้ายบท<span style="color:#339999;">1. <strong><span style="font-family:courier new;">สุนทรียศาสตร์จัดอยู่ในปรัชญาสาขาใด</span></strong></span><br /><div align="justify"><strong><span style="font-family:courier new;color:#339999;"><span style="color:#cc0000;">ตอบ</span> </span></strong><span style="color:#999999;">จัดอยู่ในปรัชญาสาขา Axiology เป็นวิชาที่ว่าด้วยคุณค่าต่างๆ ซึ่งต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง และมนุษย์เข้าใจซาบซึ้งถึงคุณค่านั้น ด้วยกระบวนการทางญาณวิทยาคุณค่าที่กำหนดให้ศึกษาในวิชาปรัชญานี้มี 4 ประการ คือ 1. ความดี (จริยศาสตร์) 2. ความงาม ( สุนทรียศาสตร์) </span></div><div align="left"><span style="color:#999999;"><span style="font-size:85%;">3.</span> ความจริง (ตรรกวิทยา)และ 4. ความบริสุทธิ์ของจิตใจ ( เทววิทยา) </span></div><div align="left"><span style="color:#999999;"></span> </div><div align="left"><span style="color:#999999;"></span></div><div align="left"><span style="color:#999999;"></span></div><div align="left"><span style="color:#999999;"></span></div><div align="left"><span style="color:#999999;"></div></span><strong></strong><div align="left"><strong><span style="color:#339999;">2.</span></strong><strong><span style="font-family:courier new;"><span style="color:#339999;">สุนทรียศาสตร์กับจริยศาสตร์แตกต่างกันอย่างไร<br /></span></strong><span style="font-family:courier new;color:#cc0000;">ตอบ</span> <span style="color:#999999;"><span style="font-family:georgia;">สุนทรียศาสตร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณค่าความงามตรงกับคำว่า Aesthetic หมายถึง การรับรู้อันเป็นกระบวนการ ประสาทสัมผัส ระหว่างสิ่งเร้าภายนอกกับอวัยวะสัมผัสภายในทำให้เกิดความรู้สึก นำไปสู่อารมณ์สุนทรีย์จริยศาสตร์ Ethics เป็นสาขาหนึ่งของวิชาปรัชญา ศึกษาเรื่องความประพฤติที่เกี่ยวข้อง สิ่งใดถูกหรือผิด สิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำเน้นคุณค่าของพฤติกรรม คุณค่าของชีวิต</span></span></span></div><div align="left"><span style="color:#999999;"></span> </div><div align="left"><span style="font-family:courier new;"><span style="color:#999999;"></span></span></div><div align="left"></div><div align="left"><span style="font-family:Courier New;color:#999999;"></span></div><div align="left"><span style="color:#999999;"><span style="font-family:courier new;"></div></span></span><div align="left"><span style="color:#339999;">3.<strong><span style="font-family:courier new;">ความงามตามทัศนะของท่านหมายถึงอะไร</span></strong></span></div><div align="justify"><span style="color:#999999;"><span style="color:#339999;"><span style="font-family:courier new;color:#cc0000;">ตอบ</span> </span>ความงามแนวคิดของปรัชญา<br />ความงาม คือ คุณค่าอย่างหนึ่งของสิ่งเร้าที่มากระทบอวัยวะสัมผัสของมนุษย์อาจจะเห็นเป็นรูปรส กลิ่น เสียง กายสัมผัส แล้วก่อให้เกิดอารมณ์ ความพึงพอใจ ให้เป็นสุข ความงามเกี่ยวข้องกับอารมณ์มากกว่าเหตุผล<br />ความงามตามทัศนนะของข้าพเจ้า คือ ความงามตามธรรมชาติที่มีต่อวัตถุ สิ่งของ เช่น ที่มนุษย์ขึ้น เครื่องประดับ สิ่งของเครื่องใช้ รูปปั้นงานศิลปะที่สวยงามที่มนุษย์สร้างขึ้น ความงามเป็นสิ่งไม่ตายตัว ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผู้ชมแต่ละคนว่าจะมองความงามในแต่ละด้านอย่างไร<br /><br /></span><span style="color:#339999;">4.</span><strong><span style="color:#330099;"><span style="color:#339999;"> <span style="font-family:courier new;">สุนทรียธาตุคืออะไรมีความหมายครอบคลุมอะไรบ้าง</span></span><br /></span></strong><span style="color:#999999;"><span style="color:#339999;"><span style="font-family:courier new;color:#cc0000;">ตอบ</span> </span>สุนทรียธาตุ คือ ธาตุแห่งความงาม แบ่งออก เป็น 3 ชนิด<br />1. ความงาม(Beauty)<br />2. ความแปลกหูแปลกตา(Picture squeness)<br />3. ความน่าทึ่ง(Sublimity)<br />สุนทรียธาตุ ยังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของศิลปกรรม และธรรมชาติ รับรู้ด้วยอารมณ์และความรู้สึกให้คุณค่าในทางบวก เช่น ความเพลิดเพลิน สุนทรียธาตุจึงเปรียบเสมือนเครื่องมือ หรือแนวทางหนึ่งในการแสวงหาความสุขของมนุษย์</span></div><div align="justify"><br /><span style="color:#339999;">5. <strong><span style="font-family:courier new;">ท่านมีวิธีตัดสินความงามอย่างไร</span></strong></span></div><div align="justify"><span style="color:#999999;"><span style="font-family:courier new;color:#cc0000;">ตอบ </span>โดยใช้หลักนักปรัชญา<br />1. ปรนัยนิยม (Objectivelism) คือ การตัดสินใจโดยยึดหลักมาตรฐานที่อยู่ในสภาวะของ อเทสะเป็นสำคัญ<br />2. อัตนัยนิยม (Subjectivelism) คือมนุษย์เป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง<br /><br /><span style="color:#339999;">6.<strong><span style="font-family:courier new;">ให้ท่านยกตัวอย่างการตัดสินใจความงามของนักปรัชญา กลุ่มต่างๆมาอย่างน้อย 3 กลุ่ม</span></strong></span><br /><span style="color:#330099;"><span style="font-family:courier new;color:#cc0000;">ตอบ</span> </span>การตัดสินใจแบบปรนัยนิยม<br /><span style="color:#993399;">Plato </span>ความงามมาตรฐาน มีอยู่อย่างปรนัยในโลกแห่งมโนคติ ศิลปินเป็นผู้ระลึกได้ใกล้เคียงมากเป็นพิเศษ<br /><span style="color:#993399;">Aristotle</span> ความงามอยู่ที่ความกลมกลืนของสัดส่วน เพราะสัดส่วนทำให้เกิดการผ่อนคลายของประสาท และอวัยวะต่างๆ ความยิ่งใหญ่ของศิลปินอยู่ที่ความสามารถในการค้นพบ ความงามและความกลมกลืน มาถ่ายทอดลงในสื่อ<br />การตัดสินแบบอัตนัยนิยม<br /><span style="color:#993399;">A. Richarts</span> ศิลปะไม่มีหน้าที่ในการสอบหรือชี้แจง ลักษณะของสิ่งของแต่มีหน้าที่ทำให้ผู้มีประสบการณ์ทางสุนทรียธาตุ มีสุขภาพจิตดี ความงามเป็นสิ่งไม่ต่ยตัวขึ้นอยู่กับคนแต่ละคน<br /><span style="color:#993399;">Theodurrlipps and Velman be</span> สุนทรียธาตุเกิดจากการที่ศิลปิน หรือผู้ชมแทรกความรู้สึกของตนไปในศิลปกรรม ศิลปินแต่ละคนจะมีประสบการณ์ ทางสุนทรียะต่างกัน</span></div><div align="justify"><br /><span style="color:#339999;">7. </span><strong><span style="font-family:courier new;color:#339999;">ท่านคิดว่า “คุณค่า” กับ “คุณสมบัติ” เหมือนกันหรือแตกต่างอย่างไร<br /></span><span style="color:#999999;"></strong><span style="font-family:courier new;color:#cc0000;">ตอบ </span>คุณค่าเป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้น และมีคุณค่าในตัวมันเอง คุณค่าหมายถึงคุณสมบัติ เช่น ความแข็ง เหลว ร่วน คุณสมบัติย่อมมีลักษณะคุณค่าด้วย ดังนั้นคุณค่ากับคุณสมบัติควรเหมือนกัน<br /><br /></span><span style="color:#339999;">8. <strong><span style="font-family:courier new;">คุณค่ามีกี่แบบ และแต่ละแบบมีความสำคัญอย่างไร</span></strong></span></div><div align="justify"><span style="color:#999999;"><span style="font-family:courier new;color:#339999;"><span style="color:#cc0000;">ตอบ</span> </span>คุณค่ามี 2 แบบ คือ<br />1. คุณค่าในตัว (Intrinsic value)<br />2. คุณค่านอกตัว ( Extrinsin value )<br />คุณค่าในตัว เราต้องการสิ่งนั้น เพราะตัวของสิ่งนั้นเองมิใช่เป็นเครื่องมือให้ได้มาซึ่งสิ่งอื่น เช่น การมีสุขภาพดี แข็งแรง มีความสุขทางจิตใจ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าในตัวเอง<br />คุณค่านอกตัว เราต้องการสิ่งนั้นมิใช่เพราะตัวสิ่งนั้น แต่เพระสิ่งนั้นเป็นเครื่องมือหรือวิถีทำให้ได้มาซึ่งสิ่งอื่น เช่น ต้องการเงินเพราะเงินสามารถนำไปจับจ่ายซื้อของต่างๆได้ เราต้องการอาหารเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ ต้องการยาเพื่อรักษาโรคต้องการศึกษา เล่าเรียน เพื่อมีความรู้ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ การให้คุณค่าแก่สิ่งต่างๆ ทั้ง 2 ประเภทนี้เป็นสิ่งที่คู่กันเสมอ และสิ่งเดียวกัน บางครั้งก็อาจทำให้คุณค่าทั้ง2ประเภท </span></div><div align="justify"><span style="color:#999999;"></span></div><div align="justify"></div><div align="justify"><span style="color:#999999;"></span></div><div align="justify"><span style="color:#999999;"></div></span><div align="justify"><span style="color:#339999;">9. <strong><span style="font-family:courier new;">คำว่า "พยาบาล" กับ "ความเป็นพยาบาล" แตกต่างและสัมพันธ์กันอย่างไร</span></strong></span></div><div align="justify"><span style="color:#999999;"><strong><span style="font-family:courier new;"><span style="color:#cc0000;">ตอบ</span> </span></strong>พยาบาลมีกรอบในการทำงานที่แน่นแน มีเงินเดือน มีหน้าที่ สถานที่ทำงาน ผู้ที่จะประกอบวิชาชีพนี้ต้องมีพื้นฐานความรู้ด้านการพยาบาล การแต่งกายสุภาพเรียบร้อย</span></div><div align="justify"><span style="color:#999999;">ความเป็นพยาบาลจะต้องไม่มีสิ่งที่ไม่เจือปน ดูแลหรือช่วยเหลือบุคคลอื่นด้วยความเมตตากรุณาปราณี เอื้ออาทร โอบอ้อมอารี มีความปารถนาดี ต้องการให้ผู้อื่นพ้นทุกข์จากการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่รังเกียจ ไม่ดูถูกดูแคลนให้ความเสมอภาคในการดูแลรักษาผู้ป่วยเท่าเทียมกัน<br /></span></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2111268365891853644.post-12294700963902367642007-10-31T04:02:00.001-07:002007-10-31T04:02:44.307-07:00คำถามสุนทรียศาสตร์<span style="color:#cc33cc;">1. ถ้าคุณค่าหมายถึงคุณสมบัติ เช่น ของเหลว ร่วน แข็ง ก็ย่อมเป็นลักษณะของคุณค่าด้วย?</span><br /><div align="justify"><span style="color:#999900;"><span style="color:#cc0000;">ตอบ </span>หากเรากำหนดให้คุณค่าหมายถึง คุณสมบัติดังเช่นตัวอย่าง นั่นก็หมายความว่า คุณสมบัติก็เป็นลักษณะหรือเป็นส่วนประกอบของคุณค่าด้วยเช่นกัน แต่ความเหลว ความร่วน ความแข็ง เป็นสิ่งที่มนุษย์รับรู้ได้จากสิ่งเร้าหรือการรับสัมผัส ตัดสินว่ามันเป็นสิ่งที่เห็นจริง ๆ </span></div><span style="color:#999900;"></span><br /><span style="color:#cc33cc;">2. ถ้าคุณค่าในตัวของมันเองเป็นคนละเรื่องของคุณสมบัติ คุณค่าควรจะอยู่ที่ใด ?</span><br /><div align="justify"><span style="color:#999900;"><span style="color:#cc0000;">ตอบ </span>อยู่ที่อารมณ์และความรู้สึกของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรู้สึกว่าอย่างไรกับสิ่งเร้า แล้วตัดสินใจว่า สิ่งนั้นมีคุณค่าในตัวมันเองหรือไม่</span></div><div align="justify"> </div><div align="justify"></div><div align="justify"></div><div align="justify"><span style="color:#999900;"></span></div><span style="color:#cc33cc;">3. ถ้าคุณค่าของตัวมันเอง หมายถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อสิ่งอื่น</span><br /><div align="justify"><span style="color:#999900;"><span style="color:#cc0000;">ตอบ</span> ถ้าคุณค่าหมายถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อสิ่งอื่น นั้นคือ คุณค่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุเพียงอย่างเดียวแต่คุณค่ามีความสัมพันธ์กับจิตใจ คือ ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นลอย ๆ แต่เมื่อสิ่งนั้นเอื้อประโยชน์กับสิ่งอื่น ๆ ก็แสดงว่า สิ่งนั้นมีคุณค่ามีอิทธิพลต่อสิ่งอื่น ๆ หรือมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะด้านบวกและด้านลบก็ตามแสดงว่าคุณค่ามีความสัมพันธภาพกับจิตใจ หรือเกิดจากจิตใจมนุษย์กับวัตถุด้วยเช่นใจ</span></div><span style="color:#999900;"></span><br /><span style="color:#999900;"><span style="color:#cc33cc;">4. ถ้าคุณค่าในตัวของมันเองหมายถึงการดำรงอยู่โดยไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใด?</span> </span><br /><div align="justify"><span style="color:#999900;"><span style="color:#cc0000;">ตอบ </span>ถ้าหากเงื่อนไขบกว่าคุณค่าในตัวของมันเองหมายถึง การดำรงอยู่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใดหรือไม่มีผลต่อสิ่งใด ทั้งทางตรงและทางอ้อม คุณค่าในตัวของมันเองก็มีได้เพราะคุณค่าถูกกำหนดจากมนุษย์ขึ้นมาเท่านั้นเอง จะนำมาใช้หรือไม่นำมาใช้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความมีคุณค่าก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่คำกล่าวที่ว่าสรรพสิ่งใดในโลกจะอยู่ไม่ได้เลยถ้าไม่มีสัมพันธ์กับสิ่งใดนั้นเป็นการแสดงว่า จิตใจเรามีปฏิกริยากับสถานการณ์หรือวัถตุขณะนั้นแล้วเรานำความรู้สึกหรือการได้รับรู้อารมณ์มาปรุงแต่งทำให้เกิดเป็นสัมพันธภาพระหว่างกัน ก็เลยมองว่า ทุกสิ่งในโลกมีความสัมพันธ์ต่อกัน</span></div><span style="color:#999900;"></span><br /><span style="color:#cc33cc;">5. การพิจารณาปัญหาคุณค่าแบบโดด ๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใด?</span><br /><div align="justify"><span style="color:#999900;"><span style="color:#cc0000;">ตอบ</span> การพิจารณาปัญหาอื่น ๆ กับปัญหาคุณค่าเป็นเพียงการตัดสินในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด ถ้าคิดว่าคุณค่ามีความสัมพันธ์กับสิ่งอื่น ๆ กับความหมายว่าปัญหาของมนุษย์มีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งแวดล้อมมีผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ แต่จิตนิยมบอกว่าขึ้นอยู่กับจิตใจและความรู้สึกของคนที่ตัดสินซึ่งไม่เหมือนกันทุกคนบางคนอาจจะคิดว่าเป็นปัญหาของบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่บางคนอาจจะคิดว่าปัญหาเกิดขึ้นเพราะเป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อมหรือบริบทของสิ่งนั้น</span></div><span style="color:#999900;"></span><br /><div align="justify"><span style="color:#999900;"><span style="color:#cc33cc;">สรุป </span>จากคำถามทั้งหมดไม่สามารถหาคำตอบได้ตายตัวแน่นอนขึ้นอยู่กับว่าเรากำหนดให้เงื่อนไขนั้นเป็นอย่างไรและมุมมองของแต่ละคนที่แตกต่างกันก็ทำให้ความคิดเห็นของแต่ละคนก็แตกต่างกันด้วย การตัดสินคุณค่าในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจึงเป็นเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกของแต่ละคนวัตถุบางอย่างอาจมีคุณค่ามากสำหรับคนหนึ่งแต่อาจจะหาคุณค่าไม่ได้เลยสำหรับอีกคนหนึ่งก็ได้ คุณค่าของความงามจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตใจมนุษย์และความสัมพันธภาพกับวัตถุรับสัมผัส ในขณะนั้น</span></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2111268365891853644.post-24475199276978715642007-10-30T08:58:00.000-07:002007-10-30T08:58:59.469-07:00สุนทรียศาสตร์<span style="font-size:180%;"></span><strong><span style="font-family:courier new;font-size:180%;color:#cc66cc;">สุนทรียศาสตร์<br /><br /></span></strong><strong><span style="font-family:courier new;font-size:180%;color:#cc66cc;"></span></strong><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVn2EqcqcpKdA4PcMtlYqXMURspaNFa3aduyWLMQXiiRXvvM34gON-j_sr9-JQ5lPglyvQ54ARyi5X3-JrMrq4E_et600UZZ7P7imCPaTPQzHjkshX4BQizwdqEG6znnLCQnghG-N1RZqK/s1600-h/à¸à¸­à¸à¸à¸¸à¸«à¸¥à¸²à¸.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5126343964030788818" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" height="182" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVn2EqcqcpKdA4PcMtlYqXMURspaNFa3aduyWLMQXiiRXvvM34gON-j_sr9-JQ5lPglyvQ54ARyi5X3-JrMrq4E_et600UZZ7P7imCPaTPQzHjkshX4BQizwdqEG6znnLCQnghG-N1RZqK/s320/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%9A.jpg" width="150" border="0" /></a><span style="font-size:130%;color:#cc66cc;">1. <span style="font-family:courier new;">สุนทรียศาสตร์(Aesthetics)คืออะไร ?</span><br /></span><div align="justify"><span style="font-family:courier new;color:#339999;">ความหมายของสุนทรียศาสตร์ ( Aesthetics ) สุนทรียศาสตร์ มีผู้ให้ความหมายของคำไว้หลายท่าน ดังตัวอย่างต่อไปนี้สุนทรียศาสตร์ เป็นปรัชญาสาขาหนึ่ง ที่ว่าด้วยความงามและสิ่งที่งามทั้งในงานศิลปะและในธรรมชาติ โดยศึกษาประสบการณ์ คุณค่าความงามและมาตรฐานในการวินิจฉัยว่า อะไรงาม อะไรไม่งาม (ราชบัณฑิตยสถาน,2532:4)สุนทรียศาสตร์ เป็นวิชาว่าด้วยสิ่งที่สวยงามหรือไพเราะ คำว่า Aesthetics มาจากภาษากรีกว่า Aisthetikos = รู้ได้ด้วยผัสสะ สุนทรียธาตุ (Aesthetics Elements) ซึ่งมีอยู่ 3 อย่างคือ ความงาม (Beauty) ความแปลกหูแปลกตา (Picturesqueness) และความน่าทึ่ง (Sublimity) (กีรติ บุญเจือ, 2522 : 263) </span></div><span style="font-family:courier new;color:#339999;"><div align="justify"><br /></span></div><span style="color:#66cccc;"><span style="font-family:courier new;"><span style="color:#cc66cc;">สุนทรียศาสตร์</span> <span style="color:#339999;">เดิมเรียกว่า วิทยาศาสตร์ของเยอรมัน (The German Science) เนื่องจากตลอดระยะสองศตวรรษที่ผ่านมา เยอรมันมีผลงานทางด้านสุนทรียศาสตร์มากว่าผลงานของประเทศอื่น ๆ สามประเทศรวมกัน ผลงานด้านสุนทรียศาสตร์ของเยอรมัน มีทั้งความเรียง วิทยานิพนธ์ปริญญาเอก วิทยานิพนธ์ปริญญาโท และความความที่เกี่ยวข้องมากมาย ปราชญ์ของประเทศอื่นไม่มีใครกล่าวถึงความงาม (Beauty) แต่ประการใด สุนทรียศาสตร์เริ่มมีความหมายแบบสมัยใหม่ในลักษณะเป็นสาขาของปรัชญา เริ่มจากเรื่อง The Aesthetica ของเบาว์มการ์เทน (Alexander Gottieb Baumgarten) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1750 (Schiller, 1974 : 4-5) และซันตายานา (George Santayana) ก็ได้กล่าวไว้ว่าการที่สุนทรียศาสตร์ได้รับความสนใจน้อยไม่ใช่เพราะวิชาสุนทรียศาสตร์ไม่สำคัญ แต่เป็นเพราะมนุษย์ขาดแรงจูงใจที่จะค้น</span><span style="color:#339999;">ถึงความถูกต้อง ความจริง และใช้ความพยายามน้อยไปที่จะทำการศึกษา ความสำเร็จจึงน้อยไปด้วย (Santayana, 1896 : 6) </span></span></span><span style="font-family:courier new;color:#66cccc;"><span style="color:#339999;">กระนั้นก่อนหน้าที่ เบาว์มการ์เทน จะบัญญัติศัพท์คำว่า</span> <span style="color:#cc66cc;">"สุนทรียศาสตร์"</span> <span style="color:#339999;">ขึ้นมาเป็นเวลา 2000 กว่าปี นักปราชญ์สมัยกรีก เช่น เพลโต อริสโตเติล กล่าวถึงแต่เรื่องความงาม ความสะเทือนใจ ซึ่งเป็นความรู้สึกทางการรับรู้ (Sense Perception) ของมนุษย์ ปัญหาที่พวกเขาโต้เถียงกันได้แก่ ความงามคืออะไร ค่าของความงามนั้นเป็นจริงมีอยู่โดยตัวของมันเองหรือไม่ หรือว่าค่าของความงามเป็นเพียงความข้อความที่เราใช้กับสิ่งที่เราชอบ ความงามกับสิ่งที่งามสัมพันธ์กันอย่างไร มีมาตรการตายตัวอะไรหรือไม่ที่ทำให้เราตัดสินใจได้ว่าสิ่งนั้นงามหรือไม่งาม เบาว์มการ์เทน มีความสนใจในปัญหาเรื่องของความงามนี้มาก เขาได้ลงมือค้นคว้ารวบรวมความรู้เกี่ยวกับความงามที่กระจัดกระจายอยู่มาไว้ในที่เดียวกัน เพื่อพัฒนาความรู้เกี่ยวกับความงามให้มีเนื้อหาสาระที่เข้มแข็งขึ้น แล้วตั้งชื่อวิชาเกี่ยวกับความงามหรือความรู้ที่เกี่ยวกับความรู้สึกทางการรับรู้ว่า Aesthetics โดยบัญญัติจากรากศัพท์ภาษากรีก Aisthetics หมายถึง ความรู้สึกทางการรับรู้ หรือการรับรู้ตามความรู้สึก (Sense</span> <span style="color:#339999;">perception) สำหรับศัพท์บัญญัติภาษาไทย ก็คือ</span> <span style="color:#cc66cc;">"สุนทรียศาสตร์"</span> <span style="color:#339999;">จากนั้นวิชาสุนทรียศาสตร์ ก็ได้รับความสนใจเป็นวิชาที่มีหลักการเจริญก้าวหน้าขึ้น สามารถศึกษาได้ถึงระดับปริญญาเอก ด้วยเหตุผลนี้ เบาว์มการ์เทน จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งสุนทรียศาสตร์สมัยใหม่ฐานะที่เติมเชื้อไฟแห่งสุนทรียศาสตร์ที่กำลังจะมอดดับให้กลับลุกโชติช่วยขึ้นมาอีกวาระหนึ่ง (ทวีเกียรติ ไชยยงยศ. 2538 ; 1)</span></span> <div align="justify"><br /><span style="color:#66cccc;"><span style="font-family:courier new;"><span style="color:#cc66cc;">สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics)</span> <span style="color:#339999;">เป็นเนื้อหาว่าด้วยการศึกษาเรื่องมาตรฐานของความงามในเชิงทฤษฎีอันเกี่ยวกับประสบการณ์ทางสุนทรียภาพ กฎเกณฑ์ทางศิลปะ สุนทรียศาสตร์นับว่าเป็นแขนงหนึ่งของปรัชญาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การแสวงหาคุณค่า (Axiology) ในสมัยก่อนวิชานี้เป็นที่รู้จักกันในรูปของวิชา "ทฤษฎีแห่งความงาม(Theory of Beauty) หรือปรัชญาแห่งรสนิยม (Philosophy of taste)</span></span></span></div><div align="justify"><br /><span style="color:#66cccc;"><span style="font-family:courier new;"><span style="color:#cc66cc;">สุนทรียศาสตร์ </span><span style="color:#339999;">เป็นคำมาจากศัพท์ภาษาบาลีว่า"สุนทรียะ" แปลว่าดี งาม สุนทรียศาสตร์จึงมีความหมายตามรากศัพท์ว่าวิชาที่ว่าด้วยความงาม ในความหมายของคำเดียวกันนี้ นักปราชญ์ ชาวเยอรมันชื่อAisthetics Baumgarten (1718 - 1762) ได้เลือกคำในภาษากรีกมาใช้คำว่า Aisthetics ซึ่งหมายถึงการรับรู้ตามความรู้สึก (Sense Perception) เป็นวิชาเกี่ยวกับเรื่องทฤษฎีแห่งความงามตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Aesthetics ส่วนในภาษาไทยใช้คำว่าสุนทรียศาสตร์หรือวิชาศิลปะทั่วไป ดังนั้น จึงถือว่าศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของสุนทรียศาสตร์หรือเมื่อกล่าวถึงสุนทรียศาสตร์เมื่อใดก็มักจะเกี่ยวข้องกับงานศิลปะนั่นเอง</span></span></span></div><p align="justify"><span style="color:#66cccc;"><span style="font-family:courier new;"><span style="font-size:130%;"><span style="color:#339999;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5126351548943033570" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 208px; CURSOR: hand; HEIGHT: 124px; TEXT-ALIGN: center" height="100" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgF2Ex1IwDj1A0jO5sk9VyUylkW0LyRjNSNSRddDRWrpzsOb_S0wAk6p1cAO_s7nJ6AnCIbj6VaOTayXITA2AQyPpXBHRO0aZiAwPEeZQnD1mWppRe4ceKw3LozBpVAiw2T5ITyRnpBusPs/s320/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97.jpg" width="178" border="0" /></span><br /><span style="color:#cc66cc;">สรุป สุนทรียศาสตร์”</span></span><span style="color:#339999;">หมายถึง วิชาที่ว่าด้วยความงาม ซึ่งมีความหมายครอบคลุมถึง ความงามทั้งทางธรรมชาติ และความงามที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นงานศิลปกรรม ตลอดจนรวมถึง ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกี่ยวของกับความรู้สึกทั้งสุข และทุกข์<br /></span><br /></span><span style="color:#cc66cc;"><span style="font-size:130%;">2.</span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">สุนทรียศาสตร์มีประโยชน์อย่างไร ?<br /></span></span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#339999;">-<span style="font-size:100%;">ช่วยเสริมสร้างความเจริญทางปัญญาจนสามารถหยั่งเห็นสัจธรรมและคุณค่าของความงาม<br />-ช่วยเสริมสร้างความเจริญทางอารมณ์ โดยสามารถควบคุมอารมณ์ และการแสดงออกในทางที่ถูกต้อง และสามารถปรับตัวให้เข้าสังคมได้อย่างเป็นสุข<br />-ช่วยเสริมสร้างการรับรู้ให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์จนเกิดคุณค่าทางด้านสุนทรียภาพ</span></span></span></p><p align="justify"><span style="color:#66cccc;"><span style="font-family:courier new;"><span style="font-size:130%;"><span style="color:#cc66cc;">3.สุนทรียศาสตร์มีประโยชน์ต่อวิชาชีพพยาบาลอย่างไร?</span><br /></span><span style="font-size:100%;color:#339999;">สุนทรียศาสตร์ มีประโยชน์อย่างมากในวิชาชีพพยาบาล เนื่องจาก การพยาบาลเป็นวิชาชีพที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนและความอดทนอย่างสูง ซึ่งจากประโยชน์ของสุนทรียศาสตร์ สามารถสร้างความเจริญทางอารมณ์ โดยสามารถควบคุมอารมณ์ และการแสดงออกในทางที่ถูกต้อง และสามารถปรับตัวให้เข้าสังคมได้อย่างเป็นสุขซึ่งจะเห็นได้ว่าศิลปะ และความสวยงาม จะช่วยเสริมสร้างอารมณ์ของผู้ที่รักชอบศิลปะ ในเป็นผู้ที่มีจิตใจและอารมณ์ร่าเริงอยู่เสมอ </span></span></span></p>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2111268365891853644.post-70488348547890981882007-10-29T07:28:00.002-07:002007-10-29T07:28:48.508-07:00กับภาพวันวาน...<embed style="WIDTH: 400px; HEIGHT: 320px" name="flashticker" align="middle" src="http://widget-31.slide.com/widgets/slideticker.swf" type="application/x-shockwave-flash" flashvars="cy=bb&il=1&channel=504403158289058097&site=widget-31.slide.com" wmode="transparent" salign="l" scale="noscale" quality="high"></embed> <div style="WIDTH: 400px; TEXT-ALIGN: left"><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=bb&ad=0&id=504403158289058097&map=1" target="_blank"><img src="http://widget-31.slide.com/p1/504403158289058097/bb_t011_v000_a000_f00/images/xslide1.gif" border="0" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=bb&ad=0&id=504403158289058097&map=2" target="_blank"><img src="http://widget-31.slide.com/p2/504403158289058097/bb_t011_v000_a000_f00/images/xslide2.gif" border="0" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=bb&amp;ad=0&amp;id=504403158289058097&amp;map=2" target="_blank"><img src="http://widget-31.slide.com/m/504403158289058097/bb_t011_v000_a000_f00/images/xslide9_1.gif" border="0" /></a></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2111268365891853644.post-50975803565394930242007-10-28T10:44:00.000-07:002007-10-28T10:44:14.854-07:00จิตรกรรม<div align="justify"></div><div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHTp8kE2OH2Z5fCMxjqdrjkW1wSI5XKlnUsLvNHEbrJj41OedK0mFrEuylMoHns1_lu1H8K9vSb_gJbiKJFxMkWs6OqMb31-62aQ2qfh6YbK044EE94hnp2GDpuCEM4VgrigZMMV1Y_BZl/s1600-h/nav_33_index_bhb.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5126402796492809602" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 197px; CURSOR: hand; HEIGHT: 111px; TEXT-ALIGN: center" height="111" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHTp8kE2OH2Z5fCMxjqdrjkW1wSI5XKlnUsLvNHEbrJj41OedK0mFrEuylMoHns1_lu1H8K9vSb_gJbiKJFxMkWs6OqMb31-62aQ2qfh6YbK044EE94hnp2GDpuCEM4VgrigZMMV1Y_BZl/s320/nav_33_index_bhb.gif" width="272" border="0" /></a><strong><span style="font-family:arial;color:#993399;"> จิตรกรรม ......</span></strong><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#cc9933;"> <span style="color:#999999;">เป็นงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการวาด ระบายสี และการจัดองค์ประกอบความงามอื่น เพื่อให้เกิดภาพ 2มิติ ไม่มีความลึกหรือนูนหนา จิตรกรรมเป็นแขนงหนึ่งของทัศนศิลป์ ผู้ทำงานจิตรกรรม มักเรียกว่า จิตรกรรม<br /></span></span></div><div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggQ4EqKcq25MGgiXyIyYASm8_2LUKXcabhpeu_7o3F2vQriwp0_9Y-NFwsmZygBptiRG02yeJ3OYsV94AmPKb0nIqOFi3ulgBOrxg316KK8vfrVq8t0Oah1JC6ssA2SECgYb9fFyUPdYxO/s1600-h/180px-Mona_Lisa.jpg"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5126404067803129234" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 124px; CURSOR: hand; HEIGHT: 130px" height="195" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggQ4EqKcq25MGgiXyIyYASm8_2LUKXcabhpeu_7o3F2vQriwp0_9Y-NFwsmZygBptiRG02yeJ3OYsV94AmPKb0nIqOFi3ulgBOrxg316KK8vfrVq8t0Oah1JC6ssA2SECgYb9fFyUPdYxO/s320/180px-Mona_Lisa.jpg" width="180" border="0" /></span></a><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;">ภาพจิตรกรรมที่เก่าแก่ที่สุดที่เป็นที่รู้จักอยู่ที่ถ้ำ Chauvet ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางคนอ้างว่ามีอายุราว 32,000 ปี เป็นภาพที่สลักและระบายสีด้วยโคลนแดงและสีย้อมดำ แสดงรูปม้า แรด สิงโต ควาย แมมมอธ หรือมนุษย์ ซึ่งมักจะกำลังล่าสัตว์ ภาพวาด ได้แก่ ภาพที่ได้มาจากการเขียน การวาด ซึ่งอาจจะเป็นการวาดจากจิตรกรหรือผู้เขียนภาพสมัครเล่นปัจจุบันได้มีการนำอุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ใช้ในการเขียนภาพและวาดภาพ ที่ก้าวหน้าและทันสมัยมากมาใช้ ผู้เขียนภาพจึงจึงอาจจะใช้อุปกรณ์ต่างๆมาใช้ในการเขียนภาพ ภาพวาดในสื่อสิ่งพิมพ์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2ประเภท คือ ภาพวาดลายเส้นและการ์ตูน</span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6RyYVCFo9BMA6-TknWW5GPtLYQOv5YBsGk7AWCfQzkqmgxHSLG3r4JA4ZPH5Ar7LGZMToje5qAZt5PmdW09ZAIh4MCINUvqnVt6om-CRwbaz35qhvkDx0lruzv8zyc8rbTUmHuy7Xgehr/s1600-h/à¸à¸£à¸°à¸­à¸"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5126405820149786018" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6RyYVCFo9BMA6-TknWW5GPtLYQOv5YBsGk7AWCfQzkqmgxHSLG3r4JA4ZPH5Ar7LGZMToje5qAZt5PmdW09ZAIh4MCINUvqnVt6om-CRwbaz35qhvkDx0lruzv8zyc8rbTUmHuy7Xgehr/s200/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2.gif" border="0" /></span></a><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;"><br /></span><span style="color:#999999;"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;"><span style="color:#993399;">ทัศนศิลป์</span> คือ กระบวนการถ่ายทอดผลงานทางศิลปะ การทำงานศิลปะอย่างมีจิตนาการความคิดสร้างสรรค์มีระบบระเบียบเป็นขั้นเป็นตอนการสร้างสรรค์งานอย่างมีประสิทธิภาพสวยงาม มีการปฏิบัติงานตามแผนและมีการพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นต่อเนื่อง<br /><span style="color:#993399;">ทัศนศิลป์</span> คือ การรับรู้ทางจักษุประสาท โดยการมองเห็น สสาร วัตถุ </span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">และสรรพสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบ รวมถึงมนุษย์ และสัตว์ จะด้วยการหยุดนิ่งหรือ</span></span></div><div align="justify"><span style="color:#999999;"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">เคลื่อนไหวก็ตาม หรือจะด้วยการปรุงแต่ง หรือไม่ปรุงแต่งก็ ตามก่อให้ </span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">เกิด ปัจจัยสมมุติต่อจิตใจและอารมณ์ของมนุษย์ อาจจะป็นไปในทาง</span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">เดียวกันหรือ</span></span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#cc9933;"><span style="color:#999999;">ไม่ก็ตามทัศนศิลป์เป็นการแปล ความหมายทางศิลปะที่แตกต่างกันไปแต่ละมุมมองของแต่ละบุคคล ในงานศิลปะชิ้นเดียวกัน ซึ่งไร้ขอบเขตทางจินตนาการ ไม่มีกรอบที่แน่นอน ขึ้นกับอารมณ์ของบุคคลในขณะทัศน์ศิลป์นั้นแนวคิดทัศนศิลป์เป็นศิลปะที่รับรู้ได้ด้วยการมอง ได้แก่รูปภาพวิวทิวทัศน์ทั่วไปเป็นสำคัญอันดับต้นๆ รูปภาพคนเหมือน ภาพล้อ ภาพสิ่งของต่างๆก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของทัศนศิลป์ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งถ้ากล่าวว่าทัศนศิลป์เป็นความงามทางศิลปะที่ได้จากการมอง หรือ ทัศนา นั่นเอง</span> </span></div><span style="color:#cc9933;"><div align="justify"><br /></div><span style="font-family:courier new;font-size:130%;"></span></span><span style="font-family:courier new;color:#cc9933;"><span style="font-size:130%;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5126411218923677106" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiyQUgDggmoiq_QPPJis5-o7tv9yh29trrWAsVgXgIb-1EBhpQhSZmNmpa_5c7qA2hWFZlwz9tkM6VzeW7mnEjnNm0PStfEuPFqcSQoAR2WSP_LcYzAiUD_Qy6ia9hs11cld6F0aXbw0b6m/s200/%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%B5.gif" border="0" /></span> <p align="justify"><span style="font-size:130%;"></span><span style="font-size:130%;"><span style="color:#993300;">ภาพ :กษัตริย์สามัคคี</span><br /><span style="color:#993399;">เราอาจแบ่งหมวดหมู่ทัศนศิลป์ได้ ดังนี้<br /></span><span style="color:#cccccc;"><span style="color:#999999;">-จิตรศิลป์ จะเน้นด้านความงามเป็นสำคัญ เช่น ภาพลายไทย ภาพตามผนังวัด หรือภาพพุทธศิลป์ต่างๆ<br />-ประยุกต์ศิลป์ ได้แก่ ศิลปะที่สามารถเข้าไปใช้สอยได้ เช่น สถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม มัณฑณศิลป์ รวมทั้งเครื่องปั้นดินเผาที่ใช้เป็นภาชนะ<br />-พาณิชย์ศิลป์ ส่วนใหญ่เน้นในด้านเชิงธุรกิจการค้า ภาพโฆษณา บางครั้งจะไม่ตรงตามหลักการทางศิลปะตามที่ท่านอาจารย์ผู้รู้ด้านศิลปะได้สั่งสมบอกสอนกันมา</span> </span></span></p><p align="center"></span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#cc9933;"><span style="color:#993399;"><strong><span style="font-size:180%;">จิตรกรรมไทย</span> Thai Painting</strong></span> </span></p><p align="justify"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5126426405928035810" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 130px; CURSOR: hand; HEIGHT: 90px; TEXT-ALIGN: center" height="85" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjELTUVrEnHGiVpDafwRYmAgAfvtMmVFeWWkdFnwRIqinDJj4zPIAyRUz8Lc-MMYvvcKnjmYx6vRZ-ZHwmw_peMRSUTCSWVnjgdvodLuP7gWnrAhK1tLeDRlksdg5ROgTJQ81idAshbhsOp/s200/images.jpg" width="190" border="0" /><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#cc9933;"><strong><span style="color:#993399;">จิตรกรรมไทย (Thai Painting)</span></strong><br /><span style="color:#993399;">จิตรกรรมไทย</span> <span style="color:#999999;">หมายถึง ภาพเขียนที่มีลักษณะเป็นแบบอย่างของไทย ที่แตกต่าง จากศิลปะของชนชาติอื่นอย่างชัดเจน ถึงแม้จะมีอิทธิพลศิลปะของชาติอื่นอยู่บ้าง แต่ก็สามารถ ดัดแปลง คลี่คลาย ตัดทอน หรือเพิ่มเติมจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ ตนเองได้อย่างสวยงาม ลงตัว น่าภาคภูมิใจและมีวิวัฒนาการทางด้านด้านรูปแบบ และวิธีการมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถพัฒนาต่อไปอีกในอนาคต </span></span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBWPEtBqGax9YGfuSLdZc_jMtLH9MD_jXQpEUor9ZwotMoTBqCyrmQ55qVLBrhnkg6iJHrB4moH3oZRbrnDxVQQrid9jWbZ5xG4oaVf7DJaIkBObFmEUV2iV4ahBpfEbNoQpuToDrvApIC/s1600-h/à¸à¸¹à¹à¸£à¸±à¸.bmp"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5126431276420949522" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBWPEtBqGax9YGfuSLdZc_jMtLH9MD_jXQpEUor9ZwotMoTBqCyrmQ55qVLBrhnkg6iJHrB4moH3oZRbrnDxVQQrid9jWbZ5xG4oaVf7DJaIkBObFmEUV2iV4ahBpfEbNoQpuToDrvApIC/s200/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81.bmp" border="0" /></span></a><span style="color:#999999;"><br /></span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#cccccc;"><span style="color:#999999;">ลายไทย เป็นส่วนประกอบของภาพเขียนไทยใช้ตกแต่งอาคาร สิ่งของ เครื่องใช้ ต่าง ๆ เครื่องประดับ ฯลฯ เป็นลวดลายที่มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันซึ่งนำเอารูปร่างจาก ธรรมชาติมาประกอบ เช่น ลายกระหนก ลายกระจัง ลายเครือเถาเป็นต้น หรือเป็นรูปที่มาจากความเชื่อและคตินิยม เช่น รูปคน รูปเทวดา รูปสัตว์ รูปยักษ์ เป็นต้น<br /></span><span style="color:#993399;">จิตรกรรมไทย</span> <span style="color:#999999;">เป็นวิจิตรศิลป์ อย่างหนึ่ง ซึ่งส่งผลสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมอันดี งามของชาติ มีคุณค่าทางศิลปะและเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้า เรื่องที่เกี่ยวกับ ศาสนา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมการแต่งกาย ตลอดจนการแสดงการเล่มพื้นเมืองต่าง ๆ ของแต่ละยุคสมัยและสาระอื่น ๆ ที่ประกอบกันเป็นภาพจิตรกรรมไทย งานจิตรกรรมให้ความรู้สึกในความงามอันบริสุทธิ์น่าชื่นชม เสริมสร้างสุนทรียภาพขึ้นในจิตใจมวลมนุษยชาติได้โดยทั่วไป </span></span></p><p align="justify"><strong><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:courier new;color:#cc9933;"><span style="color:#993399;">วิวัฒนาการของงาน</span></span><span style="font-family:courier new;color:#993399;">จิตรกรรมไทยแบ่งออกตามลักษณะรูปแบบทางศิลปกรรม ที่ปรากฏในปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบ คือ</span></span></strong></p><p align="justify"><span style="color:#993399;"><span style="font-size:130%;">1.</span><span style="font-family:courier new;">จิตรกรรมไทยแบบประเพณี (Thai Traditional Painting)</span></span><span style="color:#999999;"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">เป็นศิลปะที่มีความประณีตสวยงาม แสดงความรู้สึกชีวิติจิตใจและความเป็นไทย ที่มีความอ่อนโยน ละมุนละไม สร้างสรรค์สืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนได้ลักษณะประจำชาติ มีลักษณะประจำชาติที่มีลักษณะ และรูปแบบเป็นพิเศษ นิยมเขียนบนฝาผนังภายในอาคารที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาและอาคารที่เกี่ยวกับบุคคลชั้นสูง เช่น โบสร์วิหาร วัง เป็นต้น บนผืนผ้า บนกระดาษ และบนสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ </span><br /></span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdesbMXUKG6Bowxc1LKAzixWO6yxRdd-CJWy01pD0U0hcuUoTafzBWWF5VvV0irkBUt_BxTf9Bbniip4GrNOXjTOKdhjAzVgdLwo0ta3GjW_RhZHcgrxcvHs26li-oUZFIRm9u4BRbxIBd/s1600-h/à¹à¸à¸´à¸à¸à¸²à¸.bmp"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#cc9933;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5126430297168406018" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdesbMXUKG6Bowxc1LKAzixWO6yxRdd-CJWy01pD0U0hcuUoTafzBWWF5VvV0irkBUt_BxTf9Bbniip4GrNOXjTOKdhjAzVgdLwo0ta3GjW_RhZHcgrxcvHs26li-oUZFIRm9u4BRbxIBd/s200/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87.bmp" border="0" /></span></a><span style="color:#993399;">2. </span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#cc9933;"><span style="color:#993399;">จิตรกรรมไทยแบบร่วมสมัย(Thai Contempolary Painting)</span><span style="color:#999999;">จิตรกรรมไทยร่วมสมัยเป็นผลมาจากความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการของโลก ความเจริญทางการศึกษา การคมนาคม การพาณิชย์ การปกครอง การรับรู้ข่าวสาร ความเป็นไปของโลกที่อยู่ห่างไกล ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนมีผลต่อความรู้สึกนึกคิดและแนวทางการแสดงออกของศิลปินในยุคต่อๆ มาซึ่งได้พัฒนาไปตามสภาพเวดล้อม ความเปลี่ยนแปลงของชีวิต ความเป็นอยู่ ความรู้สึกนึกคิด และความนิยมในสังคม สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ใหม่ของวัฒนธรรมไทยอีกรูปแบบหนึ่ง อย่างมีคุณค่า เช่นดียวกัน อนึ่ง สำหรับลักษณะเกี่ยวกับจิตรกรรมไทยร่วมสมัยนั้น ส่วนใหญ่เป็นแนวทางเดียวกันกับลักษณะศิลปะแบบตะวันตกในลัทธิต่างๆ ตามความนิยมของศิลปินแต่ะละคน </span></span></p><div align="left"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#993399;"><strong>ความสำคัญของจิตรกรรมไทย</strong></span></div><div align="justify"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;">จิตรกรรมไทยเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลแบบสหวิทยาการ ถือได้ว่าเป็นแหล่งขุม ความรู้โดยเฉพาะเรื่องราวจากอดีตที่สำคัญยิ่ง แสดงให้เห็นถึงความเป็นชนชาติที่มี อารยธรรมอันเก่าแก่ ยาวนาน ประโยชน์ของงานจิตรกรรมไทย <img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5126424159660139986" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 189px; CURSOR: hand; HEIGHT: 205px" height="179" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgFq5ycV1ne1-YEQmRNJw-Yz6Eyo_Z_5Dr3xyZ4OYogqzSL4Z1gr2chsiIAYAB55lPeW8rHeZlIDey9fLQ7k_b8s1bxSX6cI2DoQ_wlHm0J66FdnI_lhMQSh5HHmyhH2TYF8HxfieWDZ6py/s200/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B9%8C.jpg" width="146" border="0" /></span></div><div align="justify"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;">นอกจากจะให้ความ สำคัญในเรื่องคุณค่าของงานศิลปะแล้ว ยังมีคุณค่าในด้านอื่น ๆ อีกมาก ดังนี้</span></div><div align="justify"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;">1. คุณค่าในทางประวัติศาสตร์ </span></div><div align="justify"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;">2. คุณค่าในทางศิลปะ<br />3. คุณค่าในเรื่องการแสดงเชื้อชาติ </span></div><div align="justify"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;">4. คุณค่าในทางสถาปัตยกรรม</span></div><div align="justify"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#999999;">5. คุณค่าในเชิงสังคมวิทยา</span></div><span style="color:#999999;"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">6. คุณค่าในด้านโบราณคดี</span><br /><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">7. คุณค่าในการศึกษาประเพณีและวัฒนธรรม </span><br /><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">8. คุณค่าในการศึกษาเรื่องทัศนคติค่านิยม</span><br /><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">9. คุณค่าในการศึกษานิเวศวิทยา </span><br /><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">10.คุณค่าในการศึกษาเรื่องราวทางพุทธศาสนา </span><br /></span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#cc9933;"><span style="color:#999999;">11.คุณค่าในทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยว</span> </span>Unknownnoreply@blogger.com0